แค่รู้จัก Sale Pipeline ชีวิตคนเป็นเซลก็ง่ายขึ้นเป็นกอง
Riki Kimura
Digital Marketing Executive at Wisible
หากใครที่ทำงานเซล แล้วต้องประสบกับปัญหาคาราคาซังต่างๆนานา อย่างเช่น การวางแผนพิชิตยอดขายให้ได้ตามเป้า ทักษะการเจรจาต่อรอง ยันรูปแบบการเสนอการขายต่างๆ ที่ยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่า ผลไม่ออกมาเป็นไปตามที่หวังสักทีล่ะก็ เราอยากให้ทุกคนหันมาลองให้ความสำคัญกับคำว่า Sale Pipeline ดู แล้วจะรู้เลยว่า แท้จริงแล้ว เจ้า Sale Pipeline นี่แหละ มันจะช่วยให้เราพิชิตยอดขายได้ตรงตามเป้า แถมยังกลายเป็นฮีโร่ตัวสำคัญที่รู้ตัวอีกที เราก็ขาดมันไม่ได้ไปแล้วนั่นเอง
รู้จักกับ Sale Pipeline เครื่องมือช่วยชีวิตเซลยุคใหม่
Sale Pipeline คือ ระบบการวางแผนขาย หรือเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการยอดขายได้และแบ่งออกเป็นแต่ละสเตจ ซึ่งการทำ Sale Pipeline จะช่วยให้เห็นภาพจากกระบวนการขายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังสามารถจูนความเข้าใจของทีมให้ตรงกัน โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงจากพฤติกรรมของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ความชอบ, การตัดสินใจ, การกระทำทุกๆอย่าง ซึ่งมีหลากหลายแบบแตกต่างกันไป ตรงจุดนี้นี่แหละที่จะทำให้เราสามารถคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าเราควรจะทำงานอย่างไรต่อ ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าติดอยู่ในสเตจใดๆ นานกว่าที่คาดไว้ ก็สามารถที่จะระบุสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไรในสเตจนั้นๆได้
Pipeline Management และ Stage ของแต่ละช่วง
หลังจากที่เรารู้จักกับ Sale Pipeline แล้ว เรามีอีกคำที่จะแนะนำให้รู้จักกับ Pipeline Management คือ เครื่องมือหรือตัวช่วยที่ช่วยจัดการระบบการขายภายในทีม ให้มองเห็น Sale Pipeline แบบเป็นขั้นตอนทีละสเต็ปเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเห็นภาพรวมว่าควรต้องปรับทีมขายอย่างไรเพื่อให้ได้ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็จะมีพวก Software ต่างๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยเสริมเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น เดี๋ยวเราจะแนะนำแต่ละ Stage หรือก็คือการวางหน้าที่ในแต่ละช่วงของหลักการ Pipeline ให้เห็นกันอย่างชัดเจน
1. ติดต่อลูกค้า
ลองให้ทีมการตลาดหาโอกาสในการดึงดูดลูกค้า หรือติดต่อลูกค้าโดยตรง เพื่อให้ทราบว่าเรากำลังจะมีโปรเจกต์ใหม่หรือมีการอัปเดตในสินค้าตัวเก่าของเรา โดยสามารถใช้ได้หลากหลายวิธี เช่น การจัดแคมเปญ, การใช้โฆษณา และอย่าลืมเก็บข้อมูลลูกค้าด้วย เช่นชื่อและอีเมล เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และเจาะกลุ่มให้ตรงได้มากยิ่งขึ้น
2. นำเสนอ
จะเป็นช่วงของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ว่าจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร และพยายามแสดงให้เห็นว่าเราเหนือกว่าบริษัทอื่นตรงไหน เพื่อแสดงจุดยืนของบริษัทและซื้อใจลูกค้า ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ดังนั้นจงงัดทุกกลเม็ดเทคนิค เพื่อให้ลูกค้าติดใจเราให้ได้
3.การต่อรอง
จะเป็นส่วนที่เราจะต้องพูดคุยกับลูกค้าโดยตรงเพื่อตกลงกัน ทั้งในส่วนของราคา ขอบเขตของงาน และปรับปรุงตัวผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
4. ปิดการขาย
งัดทุกกลยุทธ์และเทคนิคการขายออกมา เพื่อให้เราสามารถปิดการขายได้
ใช้ระบบ CRM มาพัฒนาการขายแบบ B2B โดยการใช้ Sale Pipeline มาช่วย
ด้วยความที่ธุรกิจแบบ B2B คือ การทำการค้าระหว่างธุรกิจด้วยกันเอง ดังนั้นการใช้ Sale Pipeline จะทำให้สามารถวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า และการมีระบบ CRM เข้ามาช่วยเหลือก็จะทำให้เราสามารถที่จะเก็บข้อมูลของกลุ่มลูกค้าไว้ได้ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อได้อีก ซึ่งจุดเด่นของการใช้ระบบ CRM ร่วมกับ Sale Pipeline ในการขายแบบ B2B ก็คือ
- บริหารจัดการ Sale Pipeline ในแต่ละ Stage อย่างเป็นระบบ และยังสามารถที่จะควบคุมและคาดการณ์ยอดขายในแต่ละเดือนได้อีกด้วย
- สามารถติดตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขาย ทั้งการส่งอีเมล การโทรคุยหรือจะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ก็ได้เช่นเดียวกัน
- เพิ่มความสะดวกให้กับเซล และช่วยลดระยะเวลาในการทำงานส่วนนี้
- สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างละเอียดและเป็นระเบียบ รวมไปถึงไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะไม่ปลอดภัย
ใครที่กำลังสงสัยหรือเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่ ก็ลองนำ Sale Pipeline ไปปรับใช้กันดูได้นะคะ เพราะมีผลมากจริงๆ กับทั้ง Start-Up รายย่อย หรือแม้แต่บริษัทใหญ่ๆก็ตาม ต่างก็จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนเป็นลำดับขั้นตอนให้ดีอยู่เสมอ รวมไปถึงการใช้ Software ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทีมขายของเราได้อย่างมากมายเลยทีเดียว และสำหรับบริษัทไหนที่กำลังมองหาระบบ CRM ที่จะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทของคุณอยู่ล่ะก็ ลองนัดเดโม่กับทาง Wisible ของเราได้เสมอเลยนะคะ
อ้างอิง : https://www.salesforce.com/ca/hub/sales/what-are-the-stages-of-a-sales-pipeline/