ปิดการขายให้อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ด้วย The Revenue Acceleration Platform โซลูชันเพิ่มศักยภาพธุรกิจ
Puthita Mingkwanpiyakul
Customer Success at Wisible
ธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ จัดว่าเป็นกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่มีความซับซ้อนในกระบวนการบริหารจัดการลูกค้าและการปิดการขายในแต่ละครั้ง เนื่องจากว่ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมนี้มีความเชื่อมโยงหลากหลาย เช่น ต้นทุนสินค้าเปลี่ยนเป็นประจำทุกเดือน ซื้อตอนต้นทุนแพงเยอะไปก็เสียเปรียบคู่แข่ง ซื้อน้อยไปก็ไม่มีของขาย คาดการณ์เรื่องการสต็อคสินค้าได้ยาก ตัวผลิตภัณฑ์เองก็มีเงื่อนไขในการดูแลรักษา พลาดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ธุรกิจเสียหายได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการเติบโตและการก้าวไปข้างหน้าของกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์
ปัญหาเรื่องความซับซ้อนในกระบวนการบริหารจัดการลูกค้านั้นเป็นปัญหาที่ซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มาเนิ่นนาน ทางออกหนึ่งซึ่งสามารถจะช่วยลดปัญหาและขจัดอุปสรรคในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ การนำระบบ The Revenue Acceleration Platform หรือ CRM เข้ามาใช้ในระบบธุรกิจขององค์กร ระบบ The Revenue Acceleration Platform จะเข้ามาช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มโอกาสในการปิดการขายและช่วยเพิ่มศักยภาพในธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ได้อย่างไรบ้าง มาพบคำตอบกัน
อุปสรรคการปิดการขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์
จากที่คลุกคลีกับลูกค้าอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มานาน เราพบว่าหนึ่งในลักษณะเฉพาะสำหรับธุรกิจเคมีภัณฑ์คือ หลังจากที่ปิดดีลกับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว จะต้องทยอยส่งของให้ลูกค้าอีกหลาย ๆ ล็อต และลูกค้าก็บอกไม่ได้ว่าจะมีทั้งหมดกี่งวดเพราลูกค้าจะรู้เฉพาะงวดแรกที่ผลิต ทำให้ต้องมีการส่งของหลายงวดให้ครบ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าล็อตต่อไปจะต้องส่งเมื่อไหร่ หรือต้องส่งจำนวนเท่าไหร่ เรียกได้ว่าขายจบแต่งานไม่จบ เพราะกว่าจะปิดงานได้ก็ต้องส่งของให้ครบถึงจะปิดการขายได้สมบูรณ์
วันนี้ “การจัดการข้อมูลที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์” คือ กุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ องค์กรธุรกิจใดที่บริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะสามารถดึงประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาสร้างความได้เปรียบให้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ยิ่งโดยเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ข้อมูลยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะธรรมชาติพื้นฐานของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จะเกี่ยวข้องกับชุดข้อมูลจำนวนมากอยู่แล้ว
ในทางกลับกันหากข้อมูลไม่มีระบบเข้ามาช่วยจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ เวลาที่แต่ละฝ่ายขององค์กรจะนำข้อมูลมาใช้จึงไม่สะดวกและมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนสูง ข้อมูลเหล่านี้นอกจากจะมีจำนวนที่มากแล้ว ยังมีความซับซ้อนที่ยากต่อการบริหารจัดการอีกด้วย หลาย ๆ องค์กรยังคงจัดเก็บข้อมูลด้วย Excel ซึ่งจะต้องวุ่นวายกับการใช้สูตร Excel มากมาย เกิดความผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูลได้ง่าย ทำให้ข้อมูลขาดความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: 12 เหตุผลที่ไม่ควรใช้ Excel Spreadsheet ในการจัดการงานขาย
ระบบ The Revenue Acceleration Platform จะช่วยปิดการขายให้ธุรกิจคุณได้อย่างไร
จากอุปสรรคและปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีโซลูชันบางอย่างที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการในเรื่องนี้
โซลูชันที่เป็นทางออกในปัญหานี้ก็คือ The Revenue Acceleration Platform อันเป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมไปถึงธุรกิจอีกหลากหลายสามารถรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจายและมีความซับซ้อนเอาไว้ในที่เดียว ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและตอบโจทย์การทำงานของทุกฝ่ายในองค์กร โดยระบบ The Revenue Acceleration Platform จะมีส่วนช่วยในธุรกิจของคุณในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. บริหารจัดการข้อมูลธุรกิจได้ดีขึ้น นำข้อมูลที่มีมาใช้ประโยชน์ได้จริง
ระบบมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกและลดความซับซ้อนให้กับการบริหารจัดการข้อมูล เมื่อข้อมูลบริหารจัดการง่าย เก็บข้อมูลทั้งหมดรวบรวมไว้ในที่เดียวตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทำให้เห็นภาพรวมงานขายและเห็นโอกาสในการปิดดีลทั้งหมดใน Sales Pipeline และช่วย Forecast ยอดขายในอนาคต เวลาจะนำออกมาใช้งานเพื่อกำหนดกลยุทธ์การขายหรือการจัดการข้อมูลลูกค้าก็จะทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: วิธีใช้ Sales Pipeline เพิ่มยอดขายแบบ Step by Step
อีกทั้ง User Interface ที่ไม่ซับซ้อนใช้งานได้ง่าย สามารถแสดงข้อมูลสรุปการขายออกมาเป็นรายงานที่ดูแล้วเข้าใจข้อมูลได้ทันที นำข้อมูลที่ได้มาใช้วางแผนกลยุทธ์การขายต่อได้ สามารถประชุมทีมได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างรายงานข้อมูลและได้รายงานที่ถูกต้องครบถ้วนจากข้อมูลจริง ต่างจากตารางรายงานที่ออกมาจากสูตร Excel ที่ข้อมูลผิดพลาดได้ง่าย ๆ เนื่องจากไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล เช่น ข้อมูลถูกแก้ไขหรือลบทิ้งไป ทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง
2. ไม่พลาดทุกงานสำคัญ ติดตามลูกค้าได้สม่ำเสมอ
ทีมขายสามารถที่จะติดตามได้ว่าดีลการขายนั้น ๆ อยู่ในกระบวนการช่วงไหนแล้ว ซึ่งการมองเห็นภาพรวมในลักษณะนี้จะช่วยทำให้การตัดสินใจของทีมขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถที่จะกระชับขั้นตอนการเป็นดีลให้เร็วขึ้นได้ รวมถึงวางแผนการทำงานตามลำดับความสำคัญ ทำให้ไม่พลาดทุกดีลสำคัญและติดตามลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามลูกค้าโดยการแจ้งเตือนงานที่ต้องทำในลำดับถัดไป ทำให้ไม่พลาดในการ Follow-up ลูกค้าเนื่องจากมีการแจ้งเตือนให้ติดตามลูกค้าอยู่สม่ำเสมอ หากดีลไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลานานหรือเลยระยะเวลาที่กำหนดแล้วระบบ The Revenue Acceleration Platform ก็จะช่วยแจ้งเตือนในส่วนนี้เช่นกัน
3. ลดความซับซ้อนเรื่องการทำเอกสารทางธุรกิจ
ระบบ The Revenue Acceleration Platform หรือ CRM จะช่วยลดขั้นตอนการทำเอกสารใบเสนอราคา ด้วยฟีเจอร์คลังสินค้าที่รวบรวมฐานข้อมูลทั้งหมดไว้ให้ทุกคนใช้ฐานข้อมูลชุดเดียวกัน ออกใบเสนอราคาได้ในไม่กี่คลิก และรวบรวมเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับดีลเอาไว้ในที่เดียว ทำให้ข้อมูลถูกเก็บเป็นระบบและง่ายต่อการจัดการ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เรื่องการขออนุมัติเรื่องสำคัญ ได้แก่ ขออนุมัติใบเสนอราคา ขออนุมัติเมื่อมีการแก้ไขยอดมูลค่าของดีล และขออนุมัติเมื่อต้องการแก้ไขวันที่คาดว่าจะปิดดีลได้สำเร็จ ทำให้ทราบทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดีลได้เมื่อมีการแก้ไข เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกเอาไว้และหากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะต้องขออนุมัติก่อนทุกครั้ง
หรือหากการขออนุมัติใบเสนอราคาต้องผ่านการอนุมัติหลายขั้นหรือมีเงื่อนไขซับซ้อน เช่น หากส่วนลดเกิน 10% ให้ขออนุมัติหัวหน้าทีมเซล และหากยอดเกิน 1 ล้านบาทให้เพิ่มอีกหนึ่งขั้นอนุมัติไปที่ไดเรกเตอร์ด้วย ระบบ The Revenue Acceleration Platform สามารถรับรองไลน์การอนุมัติที่ซับซ้อนแบบนี้ได้เช่นกัน
4. เพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการขาย
การมีเครื่องมือจัดเก็บและแสดงผลข้อมูลที่ดีขึ้นทำให้ทีมขายสามารถที่จัดการงานได้ดีขึ้น ระบบ The Revenue Acceleration Platform สามารถคำนวณข้อมูลการขายและแบ่งกลุ่มลูกค้าให้อัตโนมัติ (Segmentation) ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือการเห็นโอกาสการขายทั้งหมดและใช้เวลาไปกับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอทีมขายรู้ทิศทางการทำงานของตัวเองก็สามารถพิชิตยอดขายได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วยลักษณะเฉพาะของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่งานขายจบแต่งานยังไม่จบ เนื่องจากจะต้องทยอยส่งของให้ลูกค้าอีกหลาย ๆ ล็อต งานจะปิดได้จริงก็ต่อเมื่อส่งของครบและรับเงินเรียบร้อยแล้ว การติดตามเรื่องการส่งของและชำระเงิน (Delivery Module) จึงเป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่สำคัญของงานขาย และ The Revenue Acceleration Platform สามารถเข้ามาช่วยติดตามงานในส่วนนี้ได้เช่นเดียวกัน
5. ช่วยสร้างประสบการณ์ความประทับใจที่ดีให้กับลูกค้า
การรักษาฐานลูกค้าเดิมเถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ เนื่องจากรายได้หลักของธุรกิจเคมีภัณฑ์มักมาจากฐานลูกค้าเดิมที่ซื้อซ้ำอยู่เป็นประจำ ในขณะที่ลูกค้าใหม่หรือลูกค้ารายย่อยก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจที่จะช่วยให้ยอดขายสูงขึ้น หากดูแลให้ดีลูกค้าขาจรก็อาจเปลี่ยนเป็นลูกค้าประจำได้เช่นกัน
The Revenue Acceleration Platform จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการทำงานภายในองค์กรของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างประสบการณ์ความประทับใจที่ดีและมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าขององค์กรได้ด้วย ผ่านการดูแลด้วยความใส่ใจ นำเสนอสินค้าที่ถูกต้องถูกเวลา ติดตามลูกค้าอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ รวมไปถึงการดูแลหลังปิดการขายเรียบร้อยแล้ว ความใส่ใจเหล่านี้เองที่จะช่วยให้ลูกค้าติดใจและกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์กับเราใหม่ไปอีกนาน ๆ
ก่อนจากกัน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด คงเพียงพอที่จะทำให้คุณเห็นว่า The Revenue Acceleration Platform ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และธุรกิจในกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถสร้างยอดขายเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการทำงานให้กับธุรกิจของคุณด้วย ทำให้องค์กรของคุณสามารถบริหารจัดการทั้งเรื่องข้อมูลสินค้า ข้อมูลลูกค้า เอกสารทางธุรกิจที่จำเป็น รวมไปถึงการติดตามการขายเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และกำลังมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยปิดการขายและเติมเต็มศักยภาพให้ธุรกิจของคุณ Wisible คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เพื่อเสริมความมั่นใจให้คุณมากขึ้น สามารถนัด Demo เพื่อพูดคุยกับทีมงานและสาธิตการใช้งานได้เลยทันที