วิธีกระตุ้นและผลักดันทีมขายให้กลายเป็นสุดยอดนักขาย (เคล็ดลับที่เซลส์ควรรู้)
Riki Kimura
Digital Marketing Executive at Wisible
ในฐานะหัวหน้า คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพนักงานของคุณมีทักษะที่ดีพร้อม? คุณจะสามารถกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาทำตามเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจถึงความคิดและความต้องการของพนักงานในบริษัทให้ได้เสียก่อน ในยุคปัจจุบันการใช้ data และข้อมูลของพนักงานมาปรับและหาวิธีพัฒนาศักยภาพของพวกเค้าถือเป็นวิธีที่สำคัญมากๆ
ลองถามตัวคุณเองว่าพนักงานในบริษัทของคุณนั้นตื่นมาทำงานทุกวันเพื่ออะไร? แน่นอนอยู่แล้วว่าก็ต้องทำเพื่อเงินเดือนถูกมั้ย? แต่จริงๆแล้วถ้ามองให้ลึกลงไป พนักงานเซลส์ของคุณก็ต้องการสิ่งเดียวกับคุณนั่นแหละ ซึ่งก็คือ อยากทำให้งานประสบความสำเร็จ มีสายอาชีพที่ประสบความสำเร็จและสามารถเติบโตได้ดี
เพราะฉะนั้นแล้ว พนักงานของคุณมีเป้าหมายและจุดประสงค์เดียวกันกับคุณอยู่แล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องทำคือการกระตุ้นและผลักดันให้พวกเค้าทำผลงานออกมาให้ได้ดีอยู่เสมอ
ทัศนคติที่ดี (Right Mindset)
ทัศนคติที่ดี จะช่วยส่งผลอย่างมากให้กับทีมขายของคุณ เพราะเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็มักเริ่มมาจากความคิดที่จะช่วยผลักดันเราไปข้างหน้า บอกลาชุดความคิดแบบ “ทำไม่ได้หรอก” “มันยากเกินไป” เป็นมาลองคิดแบบ “ฉันต้องทำให้ได้” “ท้าทายขนาดนี้ น่าสนุกดีนะ” แค่การเปลี่ยนความคิดแค่นี้ ก็มีผลอย่างมากแล้ว
ยิ่งโดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีมหรือผู้นำ การแสดงออกว่าเราคิดแบบนี้ จะค่อยๆช่วยผลักดันให้ลูกทีมคิดเหมือนกัน แล้วเราก็จะกลายเป็นทีมยอดนักขายให้กับบริษัทได้แน่นอน
ความโปร่งใส (Transparency)
ส่วนใหญ่แล้ว หลายๆบริษัทมักจะใช้โบนัส หรือการเพิ่มเงินเดือนเป็นการกระตุ้นให้พนักงานทำยอดให้ได้ แต่รู้มั้ยว่าจริงๆแล้วพนักงานเหล่านั้นแค่อยากจะเห็นตัวเลขและข้อมูลต่างๆ ที่จะช่วยให้การทำงานของพวกเค้าเดินต่อไปได้ถูกจุด
อย่างข้อมูลยอดขายในแต่ละเดือน หรือ ผลการรายงานของบริษัท เป็นต้น เพราะเมื่อพวกเค้าได้รู้ข้อมูลเหล่านั้น แรงจูงใจในการทำงานก็จะเพิ่มมากขึ้น เหมือนกับว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจริงๆนั่นเอง
อย่าทำเหมือนว่าพวกเค้าเป็นเพียงเครื่องมือในการทำงาน พยายามให้ข้อมูลที่พวกเค้าควรรู้และให้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ แล้วคุณจะตกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ควรตามหาอย่างแน่นอน
การให้ความสำคัญกับพนักงาน (Recognition)
เรื่องที่สองที่จะช่วยให้ทีมของคุณขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ก็คือ การให้รางวัลหรือการชมเชยต่อหน้าสาธารณะ พนักงานหลายคนกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้สามารถจุดไฟพวกเค้าให้มีแรงทำงานต่อไปได้
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ทุกๆบริษัทมักจะมีตำแหน่ง ‘พนักงานดีเด่นประจำเดือน’ กันอยู่บ้างแล้ว เพราะการมีมาตรฐานเซตไว้ก็จะช่วยให้พนักงานมีแรงที่จะพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุดๆนั้นได้
ในปัจจุบันผลวิจัยเผยให้เห็นว่าพนักงาน 50% ในทีมเป็นเด็กยุคมิลเลนเนียลแทบจะทั้งหมด ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วนั้น คนยุคนี้ต้องการที่จะมีคุณค่าและต้องการที่จะแตกต่างจากคนอื่นๆจริงๆ มนุษย์แทบจะทุกคนต้องการความรู้สึกนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นแล้วไม่แปลกใจเลยที่เราควรจะมีการเฉลิมฉลองมอบรางวัลให้กับคนที่ทำผลงานได้ดี แต่ก็อย่าลืมมองข้ามกลุ่มคนที่อาจจะยังไม่สามารถก้าวไปถึงระดับมาตรฐานล่ะ เพราะพนักงานทุกๆคนในทีมก็ต้องการที่จะมีส่วนร่วมและมีตัวตนเช่นกัน อย่าลืมที่จะคอยให้กำลังใจพวกเค้าอยู่เสมอ
การแข่งขัน (Contest)
การประกวดหรือการแข่งขันถือว่าเป็นวิธีที่นิยมมากๆในการบริหารบริษัท อ้างอิงจากผลสำรวจเผยว่า 63% ของบริษัททั้งหมดได้จัดการแข่งขันขึ้นในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา
ซึ่งการจัดแข่งขันจะช่วยให้พนักงานมีแรงกระตุ้นในการทำงานได้เป็นอย่างดี สามารถนำเรื่องการให้รางวัลหรือการให้โบนัสเข้ามาผสมผสานด้วยก็ได้
หัวข้อของการแข่งขันก็สามารถทำเพื่อที่จะปรับปรุงข้อด้อยของผลงานบริษัทก็ได้ เพื่อที่จะให้พนักงานทุกคนได้มีโอกาสพัฒนาทักษะในด้านนั้นๆอย่างเช่น การเก็บข้อมูลลูกค้าใหม่ๆ หรือวิธีการเขียนอีเมล ก็สามารถนำมาเป็นหัวข้อการแข่งขันได้เช่นกัน
ทีนี้เหล่าพนักงานก็จะได้ทั้งแรงจูงใจและสกิลทักษะติดตัวกลับบ้านไปด้วย
ทักษะการโค้ช (Coaching)
อีกหนึ่งวิธีที่หลายๆคนมักจะมองข้าม แต่จริงๆแล้วเป็นวิธีที่สามารถช่วยผลักดันและพัฒนาพนักงานของคุณได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ การโค้ชชิ่ง 98% จากเหล่าพนักงานในผลสำรวจเห็นตรงกันว่า พวกเค้าต้องการทำงานในบริษัทที่มีโปรแกรมหรือกิจกรรมอบรมที่ช่วยพัฒนาฝึกฝนทักษะต่างๆ
ทำไมน่ะเหรอ? เพราะว่าถ้าบริษัทตั้งใจที่จะทุ่มทุนให้กับพนักงานมากเท่าไหร่ พนักงานก็ยิ่งมีแรงจูงใจที่จะอยู่มากเท่านั้น อย่างที่บอกไป พนักงานทุกคนต้องการรู้สึกถึงความสำคัญ
ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มคนมิลเลนเนียลล่ะก็ พวกเค้าต้องการมีสกิลและทักษะที่จะช่วยให้พวกเค้าทำงานอยู่รอดในสายอาชีพต่อไปได้ การมีโปรแกรมหรือโครงการอบรมทักษะจะถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
แต่ที่สำคัญ การโค้ชชิ่งนั้นๆจะต้องมีคุณภาพด้วยนะ อย่าลืมว่าพนักงานในทีมแต่ละคนมีเรื่องที่ควรจะพัฒนาแตกต่างกันไป การลงรายละเอียดและวางแผนให้ดีจะช่วยให้พวกเค้าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างการคุยแบบ 1 ต่อ 1 คุณต้องคิดแล้วว่าปัญหาอยู่ตรงไหน จะแก้ได้อย่างไร มีสิ่งไหนที่สามารถปรับแก้ได้บ้าง เพื่อที่พนักงานทุกคนจะผ่านมันไปได้
รางวัลและโบนัส (Awards and Bonuses)
วิธีการที่หลายๆบริษัทมักจะคุ้นเคยกันอยู่แล้วก็คือ การให้เงินเดือนพิเศษหรือโบนัสนั่นเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลในการกระตุ้นให้พนักงานมีแรงจูงใจในช่วงเวลาที่ลำบาก ยิ่งทำงานหนักและทุ่มเทมากเท่าไหร่ รางวัลที่ได้ก็จะเป็นโบนัสเหล่านี้
ลองหาวิธีที่จะทำให้การกำหนดรางวัลเหล่านี้มีความหมายและสร้างสรรค์มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การแจกจ่ายเงินไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมาย เพราะจุดประสงค์ของรางวัลคือการที่อยากให้พนักงานมีแรงกระตุ้นในช่วงที่งานหนักถูกมั้ยล่ะ
ลองเปลี่ยนให้รางวัลเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องกระทบกับเรื่องเงินก็ได้ อย่างการได้ทานข้าวกลางวันกับหัวหน้า หรือการได้ที่จอดรถแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ก็ได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญถ้าคุณอยากทำยอดบริษัทให้ดีขึ้น การตอบสนองความต้องการของพนักงานถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ลองไว้ใจพวกเค้า ให้ข้อมูลที่ควรให้ และหลังจากนั้นก็เพียงแค่นั่งรอดูผลงานดีๆจากพวกเค้าได้เลย
เป้าหมาย (Goal)
ลองวางเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน เช่น เซลส์ระดับมืออาชีพหลายๆคนพยายามที่จะทำยอดขายให้ได้มากกว่ายอดขั้นต่ำเสมอ และหากคุณวางเป้าหมายของคุณได้แล้ว ก็ลองคิดแผนและวิธีการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย หรือลองใช้หลักการ Sale Pipeline มาช่วยในการวางแผน ก็นับเป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ซึ่งการวางแนวทางที่ชัดเจนแบบนี้ จะทำให้ได้คุณและทีมไม่ไขว้เขว และยังสามารถปรับปรุงการขายให้ดีขึ้นได้ จนสุดท้ายทีมก็จะไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด
ที่มา https://www.saleshacker.com/sales-performance-survey/
ติดตามข่าวสารและสาระดีๆเกี่ยวกับระบบ CRM Platform ได้ที่นี่