5 เหตุผล เมื่อทีมขายอยากปฏิเสธการใช้ CRM พร้อมวิธีช่วยให้เปิดใจ!
Riki Kimura
Digital Marketing Executive at Wisible
ในปัจจุบันมีการออกแบบระบบโปรแกรมบริหารงานขาย หรือ ระบบ CRM เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขายและลดความซับซ้อนในการทำงานให้กับธุรกิจ แต่ทว่าการใช้ CRM นั้นกลับไม่ได้รับความนิยมจากทีมขาย โดยเฉลี่ย 40-50% ของพนักงานขายยังคงรู้สึกต่อต้าน ไม่ค่อยปลื้มกับการใช้ระบบสักเท่าไหร่ (อ้างอิงข้อมูลการสำรวจจาก ZS Associates) วันนี้เราจึงได้นำเหตุผลที่ทีมขายใช้ เมื่อต้องการปฏิเสธระบบ Sales CRM พร้อมกับวิธีที่จะทำให้คุณต้องเปิดใจให้กับแพลตฟอร์ม CRM มาฝากกัน
1. เรียนไม่ได้ การใช้งานมันซับซ้อนเกินไป
คำว่า “เรียนไม่ได้” ในที่นี้ อาจหมายความได้ว่า ตัวพนักงานเองไม่มีความถนัดในเรื่องของเทคโนโลยี หรือบางคนอาจรู้สึกว่าสายเกินไปที่จะเรียนรู้ จึงกลายเป็นการปิดโอกาสที่จะลองใช้ระบบการทำงานใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัยไป
วิธีเปิดใจ : อันดับแรกเลยหากคุณกำลังมองว่า ระบบ CRM นั้นเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่เข้าใจได้ยาก คุณกำลังคิดผิดแล้วล่ะ! ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณสามารถใช้งานพวกโปรแกรม MS Office ได้ คุณก็สามารถใช้งานแพลตฟอร์ม CRM ได้เช่นกัน เผลอ ๆ จะง่ายกว่าการจำสูตรตารางใน Excel เสียอีก ที่สำคัญการเป็นทีมขายมือทองในยุคดิจิทัลเช่นนี้ ไม่มีอะไรได้เปรียบไปกว่าการรู้จักปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการทำงานและสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุดอีกแล้ว เพราะฉะนั้นขอแค่เปิดใจเรียนรู้ รับรองไม่มีคำว่าสายเกินไปอย่างแน่นอน
2. ไม่ต้องใช้ CRM เพราะสามารถจัดการข้อมูลทุกอย่างเองได้
ในการทำงานของทีมขายมักจะต้องพบปะ พูดคุยกับลูกค้ามากมาย การจดบันทึกข้อมูลลูกค้า การปิด Deal งาน นับว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญต่อการทำยอดมาก ๆ ซึ่งทีมขายแต่ละคนก็อาจมีความถนัดในการจดบันทึกข้อมูลที่แตกต่างกันไป เช่น การลงข้อมูลลูกค้าใน Spreadsheet หรือการจดลงในกระดาษหรือสมุดโน้ต เป็นต้น เลยอาจทำให้มองข้ามความน่าสนใจของตัวระบบไป
วิธีเปิดใจ : การบันทึกข้อมูลสำคัญลงบนระบบ Excel หรือการจดบันทึกลงบนสมุด สามารถช่วยเก็บข้อมูลได้ก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความเป็นระเบียบ ความสะดวกในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เชื่อได้เลยว่าระบบ The Revenue Acceleration Platform หรือ โปรแกรมบริหารงานขายอัจฉริยะ ของ Wisible จะสามารถช่วยจัดระเบียบข้อมูลได้เป็นอย่างดี ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากไฟล์ Excel มักมีปัญหาหรือกระดาษเอกสารหาย ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมเซลส์ทำรีพอร์ทออกมาได้อย่างแม่นยำมามากยิ่งขึ้นอีกด้วย
3. ไม่มีเวลาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพราะแค่งานขายก็ตึงมือสุด ๆ แล้ว
แน่นอนว่าพนักงานขายทุกคนต่างมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด ซึ่งการได้รับมอบหมายให้ลองใช้ระบบการงานใหม่ ๆ อาจทำส่งผลให้หลายคนมองว่าเป็นการเสียเวลา ถ้าจะต้องมาเรียนรู้ระบบใหม่ สู้เอาเวลาไปโฟกัสกับการติดต่อเพื่อ Leads ลูกค้า มาสร้างยอดขายน่าจะดีกว่า
วิธีเปิดใจ : การโฟกัสที่เป้าหมายถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่จะดีกว่าไหมหากคุณสามารถเดินทางสู่เป้าหมายได้อย่างสะดวก เห็นภาพแผนงานได้ชัดกว่าที่เคย ติดตามลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด ทุกที่ทุกเวลา ไม่มีตกหล่น ถึงแม้ว่าการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับตัวระบบ CRM อาจต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่เชื่อได้เลยว่าท้ายที่สุดแล้วแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำงานได้จริง เมื่อคุณใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เพราะนอกจากจะช่วยซัปพอร์ตในเรื่องการบันทึกข้อมูลแล้ว ซอฟต์แวร์ตัวนี้ยังช่วยสร้าง Sale Pipeline ให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมของโปรเจค การดำเนินการ ไปจนถึงการติดตาม Deal ของลูกค้าได้ทุกระดับทั้งรายใหญ่และรายย่อย
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sale Pipeline ได้ที่ : Sales Pipeline คืออะไร? : วิธีใช้ Sales Pipeline เพิ่มยอดขาย
4. เครื่องมือ CRM เป็นประโยชน์กับบริษัท ไม่ใช่ของทีมขาย
คงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย หากคุณต้องทำงานภายใต้ความรู้สึกถูกจับตามอง ซึ่งการนำระบบ CRM ที่สามารถตรวจสอบได้ทุกรายละเอียด ทุกความเคลื่อนไหว ติดตามได้ทุกไปป์ไลน์ อาจสร้างภาวะกดดันให้กับทีมขายได้ โดยความกดดันนี้เองที่อาจทำให้ทีมขายมองว่า ตัวระบบมีไว้ใช้เพื่อจับตาดูการทำงานของพวกเขา แต่ไม่ได้ช่วยให้ทีมทำงานได้สะดวกขึ้นเลยนั่นเอง
วิธีเปิดใจ : ก่อนอื่นเลยเราอยากให้คุณเข้าใจว่า ระบบ CRM ไม่ใช่กล้องวงจรปิดที่จะตรวจจับความเคลื่อนไหว แต่เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ที่สามารถช่วยให้คุณจัดระเบียบข้อมูลอันมีค่ามหาศาลได้อย่างง่ายดายและเป็นระเบียบ ให้ทุกคนในทีมสามารถเห็นภาพรวมของงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
ข้อดีของการติดตามได้ทุกขั้นตอน คือ คุณจะไม่พลาดในการติดต่อลูกค้าคนสำคัญ ซึ่งหากเกิดเหตุสุดวิสัย เพื่อนรวมทีมหรือผู้ที่สามารถเข้าถึงระบบได้ ก็จะสามารถสานต่องานได้อย่างง่ายดาย ไม่เสียโอกาสในการทำกำไร เมื่อคุณสามารถปิดดีลได้ บริษัทได้กำไร คุณเองก็จะได้รับผลตอบแทนที่หอมหวานเช่นกัน
5. รู้สึกว่ากำลังถูกควบคุมมากเกินไป
อย่างที่เรารู้กันดีว่าข้อมูลของลูกค้าถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ชนิดที่แม้จะเป็นทีมขายทีมเดียวกันก็ยังไม่อยากเปิดเผยให้รู้ และด้วยความที่แพลตฟอร์ม CRM สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกอย่าง ตั้งแต่รายการที่บันทึกล่าสุด อีเมลที่ส่ง ไปจนถึงข้อมูลการขายย้อนหลัง จึงอาจสร้างความไม่สบายใจ นอกจากนี้ในทุกขั้นตอนของการทำงานจะต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าทีมเสียก่อน ซึ่งถ้าทางหัวหน้างานไม่กด Approve ก็ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ส่งผลให้เกิดความล่าช้า จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมขายรู้สึกว่า ระบบนี้ไม่ค่อยตอบโจทย์การทำงานเท่าที่ควร เหมือนถูกควบคุมมากเกินไปนั่นเอง
วิธีเปิดใจ : การนำระบบ CRM มาใช้กับทีมขาย เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่าคุณยังคงสามารถจัดการกับข้อมูลสำคัญได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดทุกอย่างได้ ซึ่งข้อดีของการที่หัวหน้าสามารถมองเห็นการทำงานของคุณได้ก็คือ ทุกคนสามารถช่วยให้คำแนะนำการทำงานได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสทำงานสำเร็จตามเป้าให้มากขึ้นได้แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในทีมได้อีกด้วย
สรุป
การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ดูเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่อาจไม่ใช่กับทุกคน พนักงานหลายคนยังคงมองว่าระบบการทำงานที่ใช้อยู่ ก็เป็นระบบที่ใช้ง่ายงานดีอยู่แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณอาจจะแค่คุ้นชินกับการทำสิ่งเหล่านั้นก็เป็นได้ จริงอยู่ว่าเหตุผลทั้ง 5 ข้อ ดูจะเป็นปัญหาที่ไม่เล็กในการทำงานเอาเสียเลย แต่เราอยากให้คุณลองเปิดใจทำความรู้จักกับ The Revenue Acceleration Platform หรือ โปรแกรมบริหารงานขายอัจฉริยะสำหรับธุรกิจ B2B ที่เป็นมากกว่า CRM ของ Wisible
เพราะนอกจากเราจะสามารถแก้ปัญหาในข้างต้นให้กับทีมเซลส์ได้แล้ว ยังสามารถช่วยปิดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นจากได้อีกด้วย และเพื่อเปิดโอกาสให้เราได้เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพที่ดีอยู่แล้วของทีมงานให้ดีกว่าเก่า สะดวก แม่นยำยิ่งกว่าใคร ด้วยระบบ The Revenue Acceleration Platform ระบบ AI อัจฉริยะที่คุณสามารถจับต้องได้ สนใจติดต่อเข้ามาทดลองเดโม่กับเราได้เลย
ที่มา : https://think2grow.com/blog/resist-crm/ , https://apostletech.com/5-tips-to-overcome-resistance-to-new-crm-software/